Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Cindy700

Pages: 1 ... 114 115 [116]
1726
ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ [pr]ชุดใหม่ 2.4 หมื่นลบ.ของ GULF ที่ A-/Stable

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่ระดับ "A" และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2.4 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ขยายธุรกิจและ/หรือชำระหนี้

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ตลอดจนการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ผลงานในการพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (หรือ กฟผ. ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ "AAA" จากทริสเรทติ้ง) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงจากความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศของบริษัทและการมีภาระเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานของบริษัทสอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง ขณะที่คาดว่ารายได้และกระแสเงินสดของบริษัทนั้นน่าจะเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากแรงหนุนของโรงไฟฟ้า 2 แห่งของบริษัทในประเทศไทยภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) ที่มีกำหนดการเปิดดำเนินงานในช่วงปี 2564-2567 รวมถึงรายได้เงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นของ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ในสัดส่วน 42.25% โดยกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดต่ำลงไปอยู่ที่ประมาณ 6 เท่าในปี 2567 จากประมาณ 10 เท่าในปี 2564

อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นนั้นสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิของหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2564 หนี้เงินกู้รวมของบริษัทมีจำนวนทั้งสิ้น 2.19 แสนล้านบาทซึ่งจำนวน 1.64 แสนล้านบาทถือเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน ซึ่งประกอบด้วยหนี้เงินกู้ที่มีหลักประกันของบริษัทและหนี้เงินกู้ทั้งหมดของบริษัทย่อย เนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 75% สูงกว่าระดับ 50% ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากลำดับสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทที่เปิดดำเนินงานแล้วจะเดินเครื่องอย่างราบรื่นและสร้างกระแสเงินสดได้ตามแผน ในขณะที่โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ตามกำหนดการ อีกทั้งแผนการเติบโตของบริษัทจะไม่ทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 8 เท่าได้อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจลดลงหากการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ของบริษัทล่าช้าไปจากกำหนดการอย่างมีนัยสำคัญจนกระทบต่อกระแสเงินสดที่คาดการณ์ไว้นอกจากนี้ การลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้จนทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตได้

1727
ภาวะตลาดหุ้นไทย [pr]ปิดร่วง 14.51 จุด แรงกดดันยูเครน-รัสเซีย,พรุ่งนี้คาดไซด์เวย์อิงลงต่อ

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,684.69 จุด ลดลง 14.51 จุด (-0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 86,377.01 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,694.19 จุด และระดับต่ำสุด 1,680.83 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 441 หลักทรัพย์ ลดลง 1,523 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 364 หลักทรัพย์

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับแรงกดดันจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่มีความไม่แน่นอนหลังจากมีการปล่อยข่าวต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความกังวลให้กับการลงทุนในวันนี้อย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง แม้จะมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานบางตัวปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันก็ตาม

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้คาดว่าดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์และอิงทางลงต่อได้ จากความไม่ชัดเจนของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน และธนาคารกลางสหรัฐฯเตรียมจะเปิดรายงานการประชุม (Fed minute) เกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังทิศทางเงินเฟ้อยังสูงขึ้นอาจจะมีผลกดดันต่อตลาดหุ้นได้บ้าง แม้จะรับรู้ข่าวไปมากแล้วก็ตาม

พร้อมให้แนวต้าน 1,700 จุด แนวรับ 1,675 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,357.66 ล้านบาท ปิดที่ 168.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,095.40 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,846.63 ล้านบาท ปิดที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,756.59 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,512.35 ล้านบาท ปิดที่ 234.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดร่วงหนัก หวั่นรัสเซียส่งทหารบุกเข้ายูเครน

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 วัน โดยมีหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, ธนาคาร และยานยนต์ร่วงลงฉุดตลาด เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่น ๆ ตามมา

ทั้งนี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตรรัฐบาล หลังสหรัฐออกประกาศเตือนว่ารัสเซียอาจบุกโจมตียูเครนโดยไม่คาดคิด

ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 466.47 จุด ลดลง 3.10 จุด หรือ -0.66%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตลาดวันนี้ที่ 15,065.73 จุด ลดลง 359.39 จุด หรือ -2.33% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดตลาดวันนี้ที่ 6,868.07 จุด ลดลง 143.53 จุด หรือ -2.05%

1728
เยอรมนียันนาโตไม่มีแผนรับยูเครนเป็นสมาชิกตอนนี้

นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต [pr]) ไม่มีแผนที่จะรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกในขณะนี้

"นี่จึงเป็นเรื่องแปลกที่เราเห็นว่ารัสเซียได้แสดงความกังวลต่อสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ในวาระแต่อย่างใด" นายโชลซ์กล่าว
ทั้งนี้ นายโชลซ์ได้เดินทางเยือนยูเครนในวันนี้ ก่อนที่จะเยือนรัสเซียในวันพรุ่งนี้เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์ยูเครน

อังกฤษเตือนรัสเซียอาจโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ


นางลิซ ทรูซ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวเตือนว่า รัสเซียอาจโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ

"ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่ารัสเซียสามารถโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ และเราขอเรียกร้องให้รัสเซียคลายความตึงเครียด โดยเราพุ่งความสนใจไปที่ความปลอดภัยของชาวอังกฤษในยูเครน" นางทรูซกล่าว
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่า นางทรูซจะเป็นประธานจัดการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินว่าด้วยสถานการณ์ยูเครนในวันนี้

"ในช่วงบ่ายวันนี้ ท่านรัฐมนตรีทรูซจะเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือกระบวนการรับมือภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน หลังจากที่รัฐบาลมีคำแนะนำเมื่อวันศุกร์ให้ชาวอังกฤษเลี่ยงการเดินทางไปยังยูเครน และในวันพรุ่งนี้ท่านนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมเต็มคณะเพื่อหารือสถานการณ์ดังกล่าว" แถลงการณ์ระบุ
 

1729
ร้อยไหมคริสตัล"AESTHETIC SURGERY EVOLUTION ART NATURAL"
อาเซียนบิวตี้คลีนิค  ร้อยไหมคริสตัล 
อาเซียนบิวตี้คลีนิคศัลยกรรมต้นๆของประเทศดูแลทุกปัญหาความสวยสดงดงาม  ร้อยไหมคริสตัล [pr]
ผิวพรรณ ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมการดูแลความสวยสดงดงาม
แบบองค์รวม ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายตีน โดยหมอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ  ร้อยไหมคริสตัล
และ ทีมงานมือโปร 
ทั้งไทยแล้วก็ต่างชาติ ร้อยไหมคริสตัล

 

1730
สหรัฐเรียกร้องทั่วโลกเพิ่มความพยายามบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีน [pr]

สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศทั่วโลกเพิ่มความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2565 โดยระบุว่า การดำเนินการในปัจจุบันนั้นไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนแก่ประชากรทุกประเทศให้ได้ 70% ภายในเดือนก.ย.

นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีทางออนไลน์ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดลดลงในหลายพื้นที่ พร้อมเสริมว่า "เราทุกคนรู้ดีว่าการแพร่ระบาดยังห่างไกลจากจุดจบ"

นายบลิงเกนระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากรในทุกประเทศภายในเดือนก.ย. "แต่สำหรับอัตราการฉีดวัคซีนที่เราดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เรายังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายมาก"

นอกจากนี้ นายบลิงเกนได้ประกาศเปิดตัวแผนปฏิบัติการระดับโลกเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อจัดการกับอุปสรรคที่ยังหลงเหลือในการต่อสู้เพื่อยุติการแพร่ระบาด เช่น การเพิ่มความพยายามในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างรวดเร็ว, การเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานสำหรับวัคซีนและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ และการแก้ปัญหาการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน

เมื่อเดือนที่ผ่านมา WHO ระบุว่า เกือบ 90 ประเทศยังไม่บรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน 70% ของประชากรทั้งหมด

ทั้งนี้ นายบลิงเกนเสริมว่า "มันหมายความว่าผู้คนหลายพันล้านคนยังคงเสี่ยงต่อโรคโควิด-19 และโลกยังคงเปราะบางต่อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตและแพร่ระบาดได้มากกว่าที่เราเคยเผชิญ"

1731
CDC สหรัฐเตือนปชช.เลี่ยงเดินทางไป 6 ประเทศ หวั่นโอมิครอนระบาดหนัก [pr]

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐออกประกาศเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศและดินแดนรวม 6 แห่ง ซึ่งรวมถึง เกาหลีใต้ อาเซอร์ไบจาน และเบลารุส เนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาดในวงกว้าง

นอกจากนี้ CDC ยังได้เพิ่มคอโมโรส, เฟรนซ์ โปลินีเซีย, แซงต์ ปิแยร์และมีเกอลง ลงในบัญชีรายชื่อประเทศกลุ่มเสี่ยงใน "ระดับ 4: สูงมาก"

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐก็ได้เพิ่มระดับคำแนะนำการเดินทางไปยังเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และอาเซอร์ไบจานขึ้นสู่ "ระดับ 4: ห้ามเดินทาง"

เมื่อรวมทั้งหมด CDC ได้จัดอันดับประเทศและดินแดนประมาณ 140 แห่งอยู่ในระดับการเตือนภัยสูงสุด ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ยุโรป และเกือบทั้งหมดในลาตินอเมริกา ซึ่งถึงแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอนจะเริ่มลดลงแล้วก็ตาม แต่ในหลายประเทศก็ยังมีผู้ติดเชื้อสูงอยู่

นอกจากนี้ CDC ยังได้จัดประเทศและดินแดนอีก 50 แห่งไว้ในกลุ่ม "ระดับ 3: สูง" โดยแนะนำให้ชาวอเมริกันที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นไปยังประเทศในกลุ่มนี้

ทั้งนี้ มีเพียง 11 ประเทศเท่านั้นที่ CDC จัดอยู่ในบัญชีระดับ 1 ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และระดับ 2 หรือเสี่ยงปานกลาง ซึ่งรวมถึง จีน นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ไต้หวัน และฮ่องกง ขณะเดียวกัน ยังได้จัดให้พื้นที่อีก 40 แห่งอยู่ในกลุ่มไม่ทราบสถานะและแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไป เว้นแต่จะฉีดวัคซีนแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมบางส่วนเชื่อว่า คำแนะนำการเดินทางของ CDC นั้นเป็นปัจจัยที่กดดันดีมานด์การเดินทางทางอากาศ โดยเมื่อต้นเดือนก.พ.นี้ สายการบินรายใหญ่ ภาคธุรกิจ และกลุ่มบริษัทด้านการเดินทางหลายแห่งได้เรียกร้องให้ทำเนียบขาวยกเลิกมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทางในหมู่ผู้โดยสารชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วซึ่งต้องการเดินทางมายังสหรัฐ

1732
ภาวะตลาดหุ้นไทย [pr]: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งผันผวนจากกังวลความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวน จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้เกิดความกังวลมากขึ้น จะเห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคีนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันยังปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทยได้ แต่ยังต้องดูในภาพรวมว่าทิศทางของนักลงทุนจะมีการทยอยขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อป้องกันความเสี่ยงและรอดูความชัดเจนของปัจจัยดังกล่าวอย่างไร

โดยให้แนวต้าน 1,715 จุด แนวรับ 1,685 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,738.06 จุด ลดลง 503.53 จุด หรือ -1.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,418.64 จุด ลดลง 85.44 จุด หรือ -1.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,791.15 จุด ลดลง 394.49 จุด หรือ -2.78%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 390.16 จุด หรือ -1.4% , ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.1 จุด หรือ -0.32% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 181.56 จุด หรือ -0.73%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.พ.) ที่ระดับ 1,699.20 จุด ลดลง 3.80 จุด, -0.22%
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,656.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 3.22 เซนต์ หรือ 3.6% ปิดที่ 93.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.พ.) อยู่ที่ 7.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 32.66 ตลาดจับตาสถานการณ์ยูเครน คาดกรอบวันนี้ 32.55-32.75
สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกระทุ้งรัฐ ขอความชัดเจนคลอดนโยบายหนุนรถอีวี หลังล่าช้าทำตลาดชะงัก ผู้บริโภค-ผู้ผลิต ไม่กล้าตัดสินใจเดินหน้า หนุนรถเก่าและรถใหม่ที่เปิดทางให้ผู้บริโภคเลือกว่าจะแลกรถประเภทใดก็ได้ ไม่ใช่แค่อีวี
คลังชงครม. 15 ก.พ.นี้ ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร รัฐเฉือนเนื้อ 5.4 พันล้านบาทต่อเดือน แก้ปัญหาน้ำมันแพง หลัง "บิ๊กตู่" เรียกประชุมลับ ยันใช้กลไกกองทุนฯ และภาษี เข้ามาช่วยคู่กัน แก้เกมสิงห์รถบรรทุกขึ้นค่าขนส่ง ลากสินค้าขึ้นราคาตามประชาชนรับไม่ไหว
"เศรษฐา ทวีสิน" ชี้อสังหาฯปี 65 ไม่สดใส ปัจจัยลบรอบด้าน หนี้ครัวเรือนสูง ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง การเมืองไม่แน่นอน เงินเฟ้อดันรายจ่าย รายได้ลดฉุดกำลังซื้อ เตือน "รายเล็ก" ระวังลงทุน "แสนสิริ"กางแผนรับมือวิกฤติระยะยาว รุกธุรกิจใหม่ "กรีน-อาหารสุขภาพ-พลังงานสะอาด" ควบคู่ "ดิจิทัล แอสเสท" เสนอ ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์ธุรกิจกรีน แนะ "นอนแบงก์" ลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 12% ใน 2 ปี ช่วยแก้หนี้ครัวเรือน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยืนยันที่จะเริ่มเก็บจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือที่เรียกกันติดปากว่าค่าเหยียบแผ่นดิน ในอัตรา 300 บาทต่อคนต่อครั้ง ภายในปีนี้แน่นอน แต่เลื่อนจากกำหนดเดิมเริ่มต้นจัดเก็บในเดือน เม.ย.ออกไปอีก 2 เดือน หรือประมาณเดือน มิ.ย.65 เนื่องจากมีขั้นตอนต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีผลหลังจากนั้น 90 วัน ซึ่งต้องทำรายละเอียดเหล่านี้เสร็จสิ้นก่อนทางสายการบินต่างๆ ถึงจะมาสมัครทำข้อตกลงเข้าร่วมว่าจะเป็นผู้แทนในการจัดเก็บให้ได้อย่างไร ส่วนการจัดเก็บผู้เดินทางเข้าทางบกและทางน้ำ ยังอยู่ระหว่างหารือวิธีดำเนินการ
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) ทุกแห่ง เพื่อออกแนวทางสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งให้มีความต่อเนื่องในการให้ความช่วยเหลือหลังจากภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้สถาบันการเงินและแบงก์รัฐลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู ให้มีผลระหว่างวันที่ 1 ม.ค.65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.66 รวม 2 ปี จากเดิมแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายรายนี้ในโครงการดีอาร์บิซ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคงที่ได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.64
แบงก์-นอนแบงก์ ขยายฐานลูกค้าสินเชื่อดิจิทัลปีเสือชิงตลาดคึกคัก แข่งออกผลิตภัณฑ์การเงินปล่อยกู้ลูกค้ากลุ่มที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อปกติ "ไทยพาณิชย์" ตั้งเป้าโต 100% "แบงก์กรุงเทพ" อยู่เฉยไม่ได้ โดดร่วมวงปล่อยกู้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์-ธุรกิจรายเล็ก "LINE BK" ชี้สมรภูมิเดือด หน้าเก่า-หน้าใหม่ลงสนามปล่อยกู้ผ่านแอปพรึ่บ 7 ยักษ์ธุรกิจกำใบอนุญาตเบียดชิงลูกค้า
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า เตรียมนำพื้นที่บริเวณศูนย์บริการทางด่วนบางโปรงทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ เนื้อที่ 50 ไร่ ออกประมูลให้เอกชนเช่าพัฒนาเป็นศูนย์บริการที่พักริมทางขนาดใหญ่ (Service Center) โดยอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดโครงการซึ่งจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนหรือพีพีพี
*หุ้นเด่นวันนี้
JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้าหมาย 23 บาท ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 เป็น 170 ลบ. All time high +22% Q-Q, +124% Y-Y หลัง Transimex (JWD ถือ 24.62%) ในเวียดนามประกาศงบแล้วออกมาโดดเด่นอย่างมาก ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ขึ้นเป็น +95% Y-Y และ +26% Y-Y ตามลำดับ ระยะยาวมองบวกจากการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนหลายดีลในปีก่อน การฟื้นตัวของบ.ร่วมในเวียดนามและกัมพูชา และอยู่ใน supply chain ของ E-Commerce ที่เป็น Megatrend โลก
TOP (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 63 บาท คาดมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/64 ที่ 4.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 134% yoy จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.2 เหรียญ/บาร์เรล จาก 1.6 เหรียญ/บาร์เรล ในไตรมาส 3/64 และ อัตราการกลั่นปรับขึ้นสู่ระดับปกติที่ 108% เทียบกับไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 93%
SCB (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 144.00 บาท หุ้นธนาคารใหญ่เป็นเป้าของ Flow ต่างชาติ ด้านพื้นฐานแกร่งตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-5% ส่วน NPL ไม่เกิน 4% รับเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว เดินหน้า Transform ธุรกิจ ปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (Digital Finance) เป็นบวกต่อความสามารถในการทำกำไรและจะเพิ่ม ROE ในระยะยาว KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 3.99 หมื่น ลบ. และ 4.35 หมื่น ลบ. +11%YoY, +11%YoY ตามลำดับ

1733
อยากเรียนกราฟฟิกเพียง4500 [pr] ต้องการเรียนกราฟฟิกเพียง4500 เรียนกราฟฟิคที่ไหนดี เรียนAI เรียนPhotoshop
อยากเรียนกราฟฟิกเพียง4500 [pr]อยากเรียนกราฟฟิกอยากเรียนกราฟฟิกอยากเรียนกราฟฟิก
อยากเรียนกราฟฟิกสำหรับใครที่กำลังหาหรือกำลังต้องการที่จะเรียนกราฟฟิกวันนี้เราจะมีสถาบันดีๆมานำเสนออยากเรียนกราฟฟิกเพิ่งคลอดเดือนนั้นก็ไม่ได้ราคาแพงอย่างที่หลายคนคิดไปหลายคนคิดว่าการเรียนในลักษณะแบบนี้น่าจะแพงแต่ในความเป็นจริงแล้วราคาย่อมเยาว์สอนกับเรียนกับอาจารย์ที่มีคุณภาพสนใจโทรด่วนอ.โอ๊ต
HOTLINE : 092-282-6479
Email : oad_sss@hotmail.com
Line Id : oadkt
Line@ : post2web
Website : www.post2web.net [pr]
My facebook : https://www.facebook.com/graphic4500 [pr]
Blog : http://oaddesign2011.blogspot.com/ [pr]



 

1734


ในบรรดางานบ้านทั้งหมดการ “ซักผ้า” นัยว่าเป็นงานบ้านที่สาหัส ใช้แรงและเวลาในการจัดการมากที่สุดสำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลาย ที่หลังจากออกไปผจญงานหนักนอกบ้านแล้ว ยังต้องกลับมาทำซักเสื้อผ้าด้วยมือ “ เครื่องซักผ้า” เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้ามาช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาไปกับการซักผ้าเป็นชั่วโมง ยิ่งในปัจจุบันเครื่องซักผ้ายี่ห้อต่างๆ พากันออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ช่วยขจัดปัญหาจุกจิกกวนใจ อย่างเช่น ระบบจ่ายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มอัตโนมัติ Auto Dosing System (ADS) ของ เครื่องซักผ้า hitachi [pr] ที่ช่วยจ่ายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่พอเหมาะ ทำให้ผ้าสะอาด หอมนุ่ม และลดปัญหาสารตกค้างและการอุดตันของท่อ เป็นต้น

แต่แม้ว่าเครื่องซักผ้าจะเป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์มากเพียงใด คุณพ่อบ้านแม่บ้านหลาย ๆ ท่านก็ยังคงสองจิตสองใจที่จะเลือกซื้อเครื่องซักผ้าไว้ที่บ้าน ก็เพราะว่ายังมีความเข้าใจว่า เครื่องซักผ้าจะกินน้ำกินไฟทำให้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านสูงขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มีวิธีที่จะเลือกเครื่องซักผ้าให้ตอบสนองการใช้งาน แล้วยังช่วยประหยัดไฟ ประหยัดน้ำได้อีกด้วย 

วิธีเลือกซื้อเครื่องซักผ้าแบบประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ
เลือกขนาดของเครื่องซักผ้าให้เหมาะกับผ้าที่ต้องซัก
การเลือกขนาดของเครื่องซักผ้าให้เหมาะกับจำนวนของเสื้อผ้าที่ต้องซักในแต่ละครั้ง จะช่วยให้ประหยัดไฟ ประหยัดน้ำได้ดี ซึ่งขนาดของเครื่องซักผ้าที่เราพูดถึง คือ ความจุของตัวถังเครื่องซักผ้า (มีหน่วยเป็นกิโลกรัม) โดยแบ่งตามปริมาณได้ดังนี้
- ความจุ 5-7 Kg. ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 25-30 ชิ้น
- ความจุ 7-9 กก. ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 36-45 ชิ้น
- ความจุ 9-11 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 46-65 ชิ้น
- ความจุ 11 Kg. ขึ้นไป ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 56 ชิ้น ขึ้นไป

เลือกที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รับประกันว่าประหยัดไฟแน่นอน
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ติดไว้บนเครื่องซักผ้าเป็นเครื่องหมายแจ้งว่า เครื่องซักผ้าเครื่องนั้นได้ผ่านการทดสอบจาก สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สฟอ.) เรียบแล้ว และในปัจจุบันบนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็มีการเพิ่มดาวขึ้นมาบนฉลาก ตั้งแต่ 1 ดาว ไปจนถึง 4 ดาว แสดงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานที่มากขึ้นตามจำนวนดาวที่ได้รับนั่นเอง

เลือกมอเตอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ทั้งเงียบ ทั้งประหยัดไฟ
มอเตอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาทำหน้าที่ควบคุมระบบมอเตอร์ ซึ่งจะต่อตรงกับตัวเครื่องซักผ้าโดยไม่มีสายพานอีกต่อไป ทำให้เครื่องซักผ้าสามารถหมุนได้หลายทิศทางมากขึ้น ทำความสะอาดได้ดีขึ้น ประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง เครื่องซักผ้า samsung [pr] ที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลอินเวอร์เตอร์ สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 40% เลยทีเดียว


เครื่องซักผ้าฝาหน้าใช้น้ำในการซักผ้าน้อยกว่ารุ่นฝาบน

เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบให้สามารถควบคุมปริมาณน้ำให้พอดีกับปริมาณของเสื้อผ้า จึงสามารถประหยัดน้ำได้มากกว่าเครื่องซักผ้าแบบฝาบน ตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้า electrolux [pr] ที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 2 ใน 3 หากเทียบกับเครื่องซักผ้าฝาบนเลยทีเดียว

เครื่องซักผ้าอาจดูเหมือนเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น แต่ถ้าเทียบกับการที่เครื่องซักผ้าเข้ามาช่วยลดภาระเรื่องงานบ้าน ให้เรามีเวลาพักผ่อน หรือเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา และยิ่งได้เครื่องซักผ้าที่ประหยัดไฟฟ้า ประหยัดน้ำด้วยแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเป็นแน่

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303 [pr]

1735
ไรเดอร์ foodpanda [pr] ชวนส่งรักวันวาเลนไทน์ ร่วมมอบความรักความห่วงใยให้แก่น้อง ๆ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น

ใครว่าคนเราจะมอบความรักให้กันได้แค่คนรัก ครอบครัว หรือเพื่อนสนิทเท่านั้น เรายังสามารถส่งต่อความรัก ความห่วงใย ให้กับเพื่อนมนุษย์ในสังคมได้ด้วย ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ พี่ ๆ ไรเดอร์ foodpanda รวมถึง "เปาเปา" ขอรวมตัวกันไปส่งความรักความห่วงใย ให้กับน้อง ๆ ที่มูลนิธิบ้านนกขมิ้น

ที่ foodpanda มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเปิดโอกาสให้ไรเดอร์เข้ามามีส่วนร่วมเสมอ เพราะความสัมพันธ์ระหว่าง foodpanda กับไรเดอร์นั้นไม่ใช่แค่เพียงการทำงานเท่านั้น แต่คือการเป็นพันธมิตรร่วมกัน foodpanda จึงส่งเสริมให้ไรเดอร์ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมของ foodpanda คือ การยอมรับในกันและกัน ความเท่าเทียม และความแตกต่างหลากหลาย

ประพัฒน์ ชมภูเขา ไรเดอร์ foodpanda เล่าว่า "วันนี้พวกเรามาด้วยใจ อยากมามอบความรักให้เด็ก ๆ ที่นี่ ลูกผมที่บ้านยังมีผมและแม่ของเขา ผมเองก็โตมากับครอบครัว แต่เด็ก ๆ ที่นี่ไม่มีใครครับ ผมเลยชวนเพื่อน ๆ ไรเดอร์มาทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ด้วยกัน แต่ถ้าใครอยากมา ก็มาได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นวันวาเลนไทน์ คนเรามอบความรักความห่วงใยให้กันได้เสมอครับ"

"เสร็จจากที่นี่ผมก็จะไปส่งอาหารต่อ การส่งอาหารอร่อย ๆ ก็ถือเป็นการส่งความสุขให้ลูกค้า พอเขาได้รับอาหาร ก็ขอบคุณพวกเราด้วยรอยยิ้ม ขับรถดี ๆ นะพี่ หรือบางทีฝนตกลูกค้าก็บอกว่าค่อย ๆ มาไม่ต้องรีบ แค่นี้ก็เป็นกำลังที่ดีของพวกเราไรเดอร์แล้วครับ" ประพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากเหล่าไรเดอร์แล้ว ยังมี "เปาเปา" แพนด้าขนฟูสีชมพูไปส่งความรักสร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ ที่บ้านนกขมิ้นด้วยมื้ออร่อยจากร้านค้าพันธมิตรของ foodpanda รวมถึงของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันอีกด้วย

Pages: 1 ... 114 115 [116]