Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jenny937

Pages: 1 ... 350 351 [352] 353
5266
โบรกฯเชียร์ 'ซื้อ' ONEE ปี 65 กลับมาฟื้นเด่นรับละครฮอตหนุนเรทติ้ง [pr]ช่อง-ต่อยอด OTT

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ 'ซื้อ' หุ้น บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) จากการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 65 ที่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่น รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ที่การใช้เม็ดเงินโฆษณากลับมาฟื้นตัวขึ้น ประกอบการที่มีการนำคอนเทนท์ใหม่ๆออกมานำเสนอ ช่วยสร้างเรทติ้งให้กับช่อง ONE 31 และรายได้เสริมจากงานจ้างศิลปินและนักแสดงในสังกัด

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนนำเงิน IPO ไปใช้ไนการต่อยอดแพลตฟอร์ม OTT ช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งจะเป็นช่องทางที่เสริมรายได้ให้กับบริษัทมากขึ้นในอนาคต และเป็นช่องมางที่สร้างรายได้มากกว่าการรับจ้างผลิตคอนเทนท์ให้กับแพลตฟอร์ม OTT รายอื่น ซึ่ง ONEE มีศักยภาพในส่วนของคอนเทนท์ และศิลปิน นักแสดงในสังกัด ที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นของตัวเองได้ และดึงดูดคนเข้ามาใช้บริการ และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะเสริมรายได้เข้ามาให้กับบริษัท หนุนผลการดำเนินงานในอนาคต

ราคาหุ้น ONEE อยู่ที่ 11.30 บาท ลดลง 0.10 หรือ -0.88% เมื่อเวลา 15.14 น. ขณะที่ SET ลบ 0.84%

          ทิสโก้                         ซื้อ                           13.50
          ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี                ซื้อ                           12.70
          ยูโอบี เคย์เฮียน                 ซื้อ                           12.60
          หยวนต้า                       ซื้อ                           12.50
          เอเซีย พลัส                    ซื้อ                           12.50
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ONEE ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม หลังผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้ว จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณากลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้มีการกลับมาใช้การทำโฆษณาของผู้ประกอบการต่างๆออกมามากขึ้น อีกทั้งการที่ทางบริษัทเริ่มมีการนำคอนเทนท์ใหม่ๆ ออกมาเผยแพร่ ทำให้ดึงคนเข้ามาชมและเรียกเรทติ้งได้มากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจหลัก คือ ทีวีดิจิทัล ช่อง ONE 31

โดยปัจจัยดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่หนุนต่อการเติบโตที่โดดเด่นของผลการดำเนินการของ ONEE ในขณะที่บริษัทยังมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆต่อเนื่อง และการที่ได้เงิน IPO มา ทำให้บริษัทสามารถนำเงินไปต่อยอดการลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งจะเข้ามาเป็นหนึ่งในช่องทางที่เสริมรายได้ไนอนาคต และนำไปใช้คืนหนี้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง ทำให้ ONEE มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง โดยให้คำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท/หุ้น

นักวิเคราะห์บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 65 จะเป็นปีที่ ONEE มีแนวโน้มผลประกอบการที่ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น และคาดว่าจะปรับตัวดีกว่าอุตสาหกรรม จากการที่บริษัทมีการปรับผังรายการ พร้อมการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเริ่มนำละครใหม่ๆที่เลื่อนการฉายทางช่อง ONE 31 ทยอยออนแอร์มาต่อเนื่อง ทำให้รายได้โฆษณาใหม่ๆเข้ามามากขึ้นประกอบกับสร้างเรทติ้งให้กับช่องได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับการที่นักแสดงมีงานจ้างจากสปอนเซอร์ต่างๆ ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้เข้ามามากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งในการพัฒนาแพลตฟอร์ม OTT ของตัวเอง เพื่อเป็นการเสริมรายได้เข้ามาจากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางที่บริษัทสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากการรับจ้างผลิตคอนเทนท์ให้กับแพลตฟอร์ม OTT อื่นและการที่ ONEE มีคอนเทนท์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนเข้ามาใช้แพลตฟอร์มของ ONEE ได้โดยที่ยังให้คำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท/หุ้น

นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจของ ONEE หลังเข้า IPO เห็นความสดใสมากขึ้น โดยมาจากการใช้ Ecosystem ของบริษัทในการสร้างความหลากหลายและต่อยอดธุรกิจเข้าด้วยกัน ประกอบกับการนำผลงานใหม่ๆออกมา โดยเฉพาะละครที่เริ่มทยอยออกมาตั้งแต่ต้นปี 65 ที่ผ่านมาทำให้มีรายได้จากการโฆษณาเข้ามามากขึ้น รวมถึงรายได้จากการบริหารนักแสดงที่เข้ามามากขึ้นจากกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆของสปอนเซอร์

ขณะเดียวกันยังคงรอติดตามในเรื่องแพลตฟอร์ม OTT ของบริษัท ที่จะนำเงิน IPO มาใช้พัฒนาและคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสแรกนี้ ซึ่งจะสามารถเป็นช่องทางที่สร้างรายได้ให้กับ ONEE มากกว่ารายได้จากการจ้างผลิตคอนเทนท์จาก OTT แพลตฟอร์ต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าหากเปิด OTT แพลตฟอร์มของ ONEE เองได้ สัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์จะเพิ่มเป็น 25-28% จากปัจจุบันที่ 20-21% อีกทั้งจะยังมีรายได้จากการโฆษณา Tie-in เข้ามาในคอนเทนท์ที่ผลิตเอง และได้รับรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ทำให้หนุนต่อการเติบโตของผลประกอบการ โดยให้คำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท/หุ้น

5267
IMH พร้อมรับมือยกเลิก UCEP COVID [pr] ยังมีสิทธิ สปสช.-ประกันสังคมเล็งรับเพิ่ม

นายสิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (IMH) มองว่าหากกรณีปลดโรคโควิด-19 ออกจากการรักษาสิทธิฉุกเฉินวิกฤตรักษาทุกที่ (UCEP COVID) มาเป็นการรักษาและเบิกจ่ายตามสิทธิสุขภาพปกติ ทาง รพ. ประชาพัฒน์ ก็ยังคงสามารถเบิกค่ารักษาผู้ป่วยโควิดเหมือนกับค่ารักษาโรคอื่นๆ ตามสิทธิ์รัฐที่ผู้ป่วยมี เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคมได้

เนื่องจาก รพ. ประชาพัฒน์ เป็นโรงพยาบาลในระบบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และประกันสังคมอยู่แล้ว จึงสามารถให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ค้างสะสม ได้อย่างต่อเนื่อง และยังให้การดูแลผู้ป่วยแบบ HI และ CI ได้ตามนโยบาย HI-CI-ATK first เมื่ออาการเปลี่ยนแปลง สามารถส่งต่อดูแลภายใน รพ. ได้ทันที

ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งเกือบ 2 หมื่นคน และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว จำนวนผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลนั้นยังคงมีมากต่อเนื่องตามปริมาณผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และยังคงมีผู้ป่วยสะสมคงค้างอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ปัจจุบัน โรงพยาบาล ประชาพัฒน์ ภายใต้บริษัทลูกของ IMH ซึ่งให้บริการ ตรวจรักษาดูแลและเบิกจ่ายระบบ UCEP COVID ได้ตามปกติ เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิดแบบฉุกเฉิน

นอกจากนี้ แนวทางในปี 65 รพ. ประชาพัฒน์ กำลังเตรียมขอเพิ่มโควต้ารับรักษาผู้ป่วยตามสิทธิรัฐ ให้ได้มากขึ้นกว่าเท่าตัว เนื่องจากปีที่ผ่านมาทาง รพ. สามารถบริหารจัดการการให้บริการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนแผนธุรกิจหลังโควิด-19 ทางกลุ่ม IMH จะเร่งขยายธุรกิจโรงพยาบาล เพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งคาดว่ารายละเอียดจะประกาศได้ใน Q1/65 รวมทั้งการปรับโครงสร้าง IMH ให้เป็น Holding เต็มตัวในอนาคตพร้อมเตรียมจับมือ partner ทางธุรกิจเพื่อขยายฐานการแพทย์ผ่าน Digital Health Platform ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มฐานลูกค้าให้แตะระดับ 3 ล้านคนได้ในเร็วๆนี้

5268
เสริมสวย สุขภาพ / การใช้
« on: February 15, 2022, 10:59:58 AM »
ขอบคุณมากขอรับ ดันๆ

5269
ขอบคุณนะครับ สินค้าประสิทธิภาพ ดันๆๆ

5270
      แรงจูงใจในการซื้อสินค้าออนไลน์ มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง นอกจากสินค้าต้องมีคุณภาพแล้ว การจัดส่งสินค้าต้องรวดทันที การบริการมีลักษณะ service minuted และการตอบแชทลูกค้าออนไลน์ ก็มีความสำคัญไม่พ่ายสิ่งใด การจะปิดการขาย แอดมินเพจก็จะต้องมีแพทเทิร์นการตอบแชทที่น่าพึงพอแล้วใจ วิธีตอบแชทลูกค้าในแพจ ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการปิดการขายของขนาดนั้นละเพจ วันนี้ขอนำเสนอการปิดการขายด้วย 9 เทคนิคการตอบลูกค้าออนไลน์ ดังนี้
 
[list=1]
  • ตอบกลับเร็ว : การตอบกลับกะทันหัน แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของร้านค้า ทั้งๆที่ไม่สามารถตอบกลับในทันทีทันใด เท่านั้นก็ควรไม่ควรทิ้งระยะเวลาไว้นานจนเกินไป ซึ่งเปรียบเสกรนการสร้าง first impression การขายสินค้าออนไลน์ ควรมีความพร้อมในการติดต่อพูดคุยกับลูกค้าเสมอ 
  • ตอบตรงคำถาม : แอดมินต้องมีความรู้เกี่ยวกับสินค้า สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม อย่าง คุณภาพสินค้า, จำนวนสินค้า, วันหมดอายุ, ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้า เป็นต้น
  • เป็นกันเองเฉพาะสุภาพ : อย่าลืมว่าการแชทไม่สามารถบ่งบอกน้ำหมดลมงของผู้แชทได้ แอดมินควรใช้ภาษาที่สุภาพ มีความเป็นกันเอง พร้อมด้วยไม่เป็นถนนการบานเบอะจนเกินไป ถ้าว่า ควรให้ใช้ภาษาที่ให้ความเป็นกันเองอย่างเหมาะสม เพราะบางประโยคอาจจะแสดงถึงการไม่ให้เกียรติลูกค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • ตอบแบบมี Service Mind : การยึดหลัก sevice นาทีd เป็นพื้นฐานของการขายสินค้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขายสินค้าออนไลน์ หรือขายหน้าร้าน แอดมินก็ต้องมีความเข้าอกเข้าใจลูกค้า มีความอดทน บริการลูกค้าด้วยความเต็มใจ
  • เมื่อลูกค้าเงียบ ไม่เงียบตอบลูกค้า : แอดมินอาจจะถามย้ำว่า "ลูกค้าจะรับสินค้าเลยไหมคะ" "สนใจสีขาวหรือสีดำ แจ้งแอดมินได้เลยนะคะ" แอดมินเพจหรืออาจจะแจ้งโปรโมชันกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
  • สร้างตัวเลือกให้ลูกค้า : ทุกคนล้วนมีความขี้เกียจคิดอยู่ในตัว หากร้านค้ามีสินค้าอยู่หลายชนิด แอดมินก็ควรพิจารณาลูกค้าอย่างเอาชนะวๆ จากประวัติการสั่งซื้อ แล้วสร้างตัวเลือกให้ลูกค้า อย่าง "ลูกค้ารับไซส์เล็กหรือใหญ่ดีคะ" "ลูกค้ามุ่งหวังให้ส่งแบบลงทะเบียนหรือ EMS คะ" พยายามสร้างตัวเลือกให้ลูกค้า say yes เท่านั้น
  • กล่าวอำลาพร้อมกับเชิญชวนให้กลับมาซื้อ : เมื่อปิดการขายเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะไม่กลับมาซื้อสินค้าอีก แอดมินควรมีคำกล่าวอำลา เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าประทับใจพร้อมด้วยกลับมาซื้ออีกครั้ง
  • จดจำลูกค้าให้ได้เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าในครั้งต่อไป คุณคงทราบกันดีว่าการหาลูกค้าใหม่นั้นยากกว่าการถูกชะตาษาลูกค้าเก่าหลายเท่า ดังนั้นเพื่อที่จะดึงลูกค้าเก่าให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำของร้าน เราควรสร้างความประทับใจ กับแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจของเราให้ได้ถมเถที่สุด โดยเมื่อลูกค้าเก่าทักแชทมาซื้อสินค้าอีกครั้ง เราอาจเรียกชื่อลูกค้า จำได้ว่าลูกค้าซื้อสินค้าอะไรไป ไซส์ไหน โดยอาจใช้คำถามอย่าง กระโปรงที่ซื้อไปคราวที่แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ ถูกใจมั้ยคะ หรือ ครั้งนี้รับเป็นไซส์ S เหน้ำมือนเดิมมั้ยคะ ยิ่งไปกว่านั้นอาจเพิ่มความพิเศษโดยการมอบส่วนลดสำหรับลูกค้าเก่า จัดก่อระบบสมาชิกให้ลูกค้า ให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ 
[list=1]
  • ลูกค้าอาจไม่ใช่พระเจ้า ขนาดนั้นเราคือเพื่อนมนุษย์เหกรนกัน หลายคนอาจมีความคิดว่า”ลูกค้าคือพระเจ้า” ไม่ว่าลูกค้าจะสั่งอะไร อยากได้อะไร เราก็ต้องดำเนินการแอดมินเพจ [pr]ให้ได้ หาให้ได้เสมอ อย่างเดียวเราไม่อยากให้คิดอย่างนั้น ลูกค้าอาจไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป ไม่ว่าลูกค้าจะลงมืออาชีพใด ฐานะเป็นอย่างไร เราทุกคนก็ล้วนมีจิตใจความเป็นมนุษย์เหน้ำมือนกัน ควรมองลูกค้าเป็นเหกรนเพื่อน เมื่อเพื่อนอยากให้เราก่ออะไรให้ เราย่อมมุ่งหวังการปฏิบัติที่ดีจากเพื่อนคนนั้น พร้อมทั้งหากสิ่งที่เพื่อนอยากได้เกิดความสามารถของเรา หรือเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้น เราก็ควรพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล ใช้คำพูดที่ดี อธิบายให้เพื่อนเข้าใจ ดังนั้นการเนรมิต ธุรกิจร่วมกัน แอดมินเพจทั้งสองฝ่ายควรให้เกียรติซึ่งกันพร้อมทั้งกัน เพื่อพึงพอใจษาความสัมพันธ์ให้ดีพร้อมด้วยยาวนาน

5271
SkyBar near airport
สุวรรณภูมิสวีท ตั้งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในกรุงเทพมหานคร เพียง 5 นาที เป็นรีสอร์ทที่เพอร์เฟ็คสำหรับนักเดินทางที่เดินทางต่อ ที่นี่ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักที่ยอดเยี่ยมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบบริการเต็มแบบในทำเลที่ตั้งที่เหนือกว่าและก็ราคาที่มีเหตุผล รีสอร์ทของเรามีมากกว่าบ้านพักที่เงียบสงบก่อนหลังเที่ยวบิน เราภาคภูมิใจที่เกินความมุ่งมาดของแขกของเราด้วยการนำเสนอหอพักและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดูแลอย่างพิถีพิถัน และก็บริการที่มีประสิทธิภาพและดีเยี่ยมที่สุดจากพนักงานที่สุภาพมีมารยาทของเรา เราได้ดีไซน์ทุกด้านโดยนึกถึงความสะดวกสบายของคุณ ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชักชวนเข้ามาได้ทุกเวลา และก็รับการต้อนรับจากแผนกต้อนรับที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงของเรา พวกเราได้ทำให้แน่ใจว่าห้องพักพร้อมเสมอที่สามารถจะช่วยให้คุณนอนหลับสบายเพื่อจัดเตรียมสำหรับ สนามบินสุวรรณภูมิ และวันหยุดที่น่าตื่นตาตื่นใจของคุณ

ถามไถ่บริการโรงแรมใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ SkyBar near airport
ที่พักใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โรงแรม ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ราคาไม่แพง
โรงแรมใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ กักตัว
เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ sha+
ที่พักใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
โฮเต็ล ใกล้ สนามบินสุวรรณภูมิ กักตัววัววิด SkyBar near airport
บังกะโลใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีรถรับส่งฟรี SkyBar near airport [pr]

5272
แบงก์ชาติออสซี่ส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจ-ตลาดแรงงานฟื้นตัว

นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอ [pr]ย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี RBA มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเกินไปนั้นจะก่อให้เกิดความเสี่ยง

นายโลว์ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาออสเตรเลียในวันนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราว่างงานของออสเตรเลียจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4% เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี และอาจเป็นสาเหตุให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

"ในอนาคตข้างหน้านี้ เรามีโอกาสที่จะเห็นอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้" นายโลว์กล่าว พร้อมระบุว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยง"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียได้รับผลกระทบอย่างหนักในเดือนม.ค.ปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ทำให้รัฐบาลประกาศควบคุมการเดินทางของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมาหลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มปรับตัวลง

นายโลว์กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ RBA อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากคาดการณ์ว่า RBA อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมิ.ย.นี้ เมื่อพิจารณาจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า RBA จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันที่ระดับ 0.1% สู่ระดับ 0.25% ในเดือนมิ.ย. และจากนั้นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจนถึงระดับ 1% ภายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้

การแสดงความเห็นของนายโลว์สะท้อนให้เห็นว่า RBA มีจุดยืนที่แตกต่างกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นร้อนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.

5273
พาณิชย์ เตรียมนัดถกทุกภาคส่วนทบทวนกรอบเจรจาอาเซียน [pr]+1 ยกระดับ FTA

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร นักวิชาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ และภาคประชาสังคม เพื่อหารือทบทวนกรอบการเจรจาอาเซียน+1 ของไทย ที่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 52 ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 65 นี้ เพื่อให้ไทยสามารถเข้าร่วมการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) และจัดทำ FTA ใหม่ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากปีที่ผ่านมา อาเซียนกับคู่เจรจา เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ได้เห็นพ้องว่าจะเริ่มเจรจาเพื่อยกระดับ FTA ของอาเซียน+1 ที่มีอยู่ ให้มีความทันสมัยและเปิดเสรีมากขึ้น และประเทศอื่นๆ นอกภูมิภาคที่มีความสนใจจะทำ FTA กับอาเซียน โดยเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา กรมฯ ได้เชิญหน่วยงานภาครัฐ 55 แห่ง หารือผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อเตรียมการปรับปรุงกรอบการเจรจา FTA อาเซียน+1 เดิมของไทยแล้ว

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับการเจรจาเพื่อจะยกระดับความตกลง FTA อาเซียน+1 คาดว่าจะมีการผนวกประเด็นใหม่ๆ ที่หลายประเทศให้ความสนใจ ซึ่งไทยจำเป็นต้องเตรียมกรอบการเจรจาในเรื่องเหล่านี้ เช่น การเจรจาเพื่อปรับปรุงความตกลง FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) จะมีประเด็นเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน FTA สำหรับอาเซียน-จีน (ACFTA) จะมีประเด็นเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล นโยบายแข่งขันทางการค้า การคุ้มครองผู้บริโภค และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ทันสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนไป

"กรมฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จึงได้เตรียมแผนงานที่จะจัดรับฟังความเห็น เพื่อให้การปรับปรุงกรอบการเจรจา FTA อาเซียน+1 ของไทย รอบคอบและรัดกุมมากที่สุด เพื่อให้ทันรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนไป และเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศ หากสามารถหาข้อสรุปการร่างกรอบการเจรจาฯ ได้แล้ว กรมฯ จะเสนอระดับนโยบายกระทรวง เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป" นางอรมน กล่าว
ปัจจุบันอาเซียนมี FTA ทั้งหมด 7 ฉบับ ได้แก่ อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลีใต้ อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-ฮ่องกง และอาร์เซ็ป (อาเซียน+5) ซึ่งความตกลงฯ ได้เริ่มมีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 48 และอาเซียนได้ประกาศเริ่มเจรจา FTA กับแคนาดา เมื่อปลายปี 64

5274
จีนคาดราคาสินค้ามีเสถียรภาพในปี 65 หลังเคลื่อนไหวในกรอบเป้าหมายตลอดปีที่ผ่านมา

นายหลิว จื้อเฉิง นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจมหภาคแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปี [pr]นี้ว่า จีนมีรากฐานที่มั่นคงซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาสินค้ามีเสถียรภาพ หลังจากที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตลอดปี 2564

นายหลิวระบุว่า ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในระดับปานกลางเมื่อปีที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะยังทรงตัวต่อไปในระดับเดิมในปีนี้

ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน มีแนวโน้มปรับตัวลง โดยแนวโน้มราคานั้นจะสอดคล้องกันมากขึ้นทั้งในตลาดต้นน้ำและปลายน้ำ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำหรับทั้งปี 2564 ดัชนี CPI จีนอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของปีโดยปรับตัวขึ้นเพียง 0.9% ซึ่งต่ำกว่าระดับของปี 2563 อยู่ 1.6%

อย่างไรก็ดี นายหลิวกล่าวว่า แม้ดัชนี CPI จะอยู่ในระดับต่ำในช่วงเริ่มต้น แต่ก็เริ่มปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตลอดปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาเนื้อหมูปรับตัวลง และราคาในภาคบริการที่ค่อนข้างคงที่

5275
มีท อวตาร (Meat Avatar) จับมือ มอลลี่ อัลลี่ (Molly Ally) เปิดตัวไอศกรีมนมจากพืช Plant-based [pr] 3 รสชาติ ภายใต้แบรนด์ "มาทาน (Matan)" เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ เล็งสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง

บริษัท มีท อวตาร จำกัด (Meat Avatar) ผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช จับมือ มอลลี่ อัลลี่ จำกัด (Molly Ally) ร้านไอศกรีมสุขภาพ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ รุกตลาดพร้อมทาน (Ready to eat) ภายใต้แบรนด์มาทาน (Matan) ด้วยแนวคิด "อร่อยได้ไม่รู้สึกผิด" เปิดตัวไอศกรีม Plant-based 3 รสชาติใหม่ ได้แก่ ชาไทย (Tea rak) , ดาร์คช็อกโกแลต (Angry Chocolate) , มัทฉะ (Moody Greentea) จุดเด่นที่ให้แคลฯต่ำ น้ำตาลน้อย ไม่มีส่วนผสมของนมวัว หรือ ไข่ไก่ และยัง 0% Cholesterol เอาใจสายสุขภาพ ตีตลาด วีแกน, มังสวิรัติ, Plant-based และ Flexitarian พร้อมขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มแพ้แลคโตส เพื่อเพิ่มทางเลือกเข้าถึงสุขภาพที่ดีขึ้น โดยคาดว่าไอศกรีมมาทานจะสามารถสร้างยอดขายระหว่างแบรนด์เติบโตขึ้น ได้

นายวรุตม์ จันทร์โพธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มีท อวตาร จำกัด (Co-Founder Meat Avatar) เปิดเผยว่า "มีท อวตาร" (Meat Avatar) ผู้นำผลิตภัณฑ์เนื้อจำแลงที่ผลิตจากพืช (Plant-based Meat) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจต่อสุขภาพของตัวเองและได้คุณค่าทางโภชนาการที่เทียบเท่าการบริโภคเนื้อสัตว์ให้มากที่สุด อีกทั้งยังตระหนักถึงการผลิตความอร่อยแบบพร้อมเสิร์ฟในราคาที่ทุกคนจับต้องได้ จึงได้ขยายไลน์สินค้าผ่านการจับมือกับ มอลลี่ อัลลี่ (Molly Ally) เปิดตัว "ไอศกรีม Plant-based" ภายใต้แบรนด์มาทาน (Matan) ที่ดีต่อสุขภาพ ให้แคลอรี่ต่ำ ดรรชนีน้ำตาลน้อยกว่าไอศครีมธรรมดาถึง 3 เท่า (จากน้ำตาลช่อดอกมะพร้าว 100%) ปราศจาก Cholesterol แต่ยังคงความรู้สึกสดชื่นฟินเวอร์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคเจนซี (Gen Z) เจนวาย (Gen Y) ที่มองหาความสะดวก อร่อย และได้สุขภาพ มีทั้งหมด 3 รสชาติใหม่ คือ Tea rak ไอศกรีมของ คนรัก (ชาไทย) เน้นความหอมเหมือนใบชาที่ผ่านการต้มอย่างพิถีพิถัน , Angry Chocolate ระเบิดความโกรธของดาร์คช็อกโกแลตเข้มข้น ลงในไอศกรีมระดับพรีเมี่ยมแทบจะเหมือนเอาช็อคโกแลตแท่งมาปั่นเป็นไอศกรีม , Moody Greentea ไอศกรีมผสมมัทฉะเข้มข้นนำเข้าจากญี่ปุ่นแท้ๆ เหวี่ยงอารมณ์เหมือนไม่ได้กินอยู่เมืองไทย

"ไอศกรีมมาทาน (Matan)" ถือเป็นสินค้าน้องใหม่ในตลาด Plant-based Food ที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยเนื้อสัมผัสแบบครีมมี (Creamy) และรสสัมผัสแบบเข้มข้นไม่ต่างจากการใช้นมวัวเป็นส่วนประกอบ อีกทั้งยังไม่พบคู่แข่งทางตลาดมากนัก แม้จะพบมูลค่าทางการตลาดของ Plant-based Milk สูงถึง 16,000 - 17,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากแบรนด์โทฟุซัง 2564) จึงถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค รวมถึงขยายสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่มีอาการแพ้แลคโตส เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคในการเข้าถึงสุขภาพที่ดีได้มากขึ้น ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยต่อยอดแตกไลน์สินค้าสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการเข้าถึงฐานลูกค้าระหว่างกันของ 2 แบรนด์ โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายระหว่างแบรนด์เติบโตขึ้นอีกด้วย

สำหรับความโดดเด่นของไอศกรีมนม Plant-based เราเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เช่น โปรตีนในนมจากพืช ส่วนรสชาติความหวานมาจากน้ำตาลช่อดอกมะพร้าวที่ไม่กระทบต่อน้ำตาลในเลือด 0% Cholesterol และเจลาโต้สไตล์อิตาเลี่ยนที่ไม่มีส่วนผสมของนมวัวและไข่ไก่ เหมาะกับคนรักสุขภาพ รวมถึงกลุ่มผู้ที่ทานอาหาร วีแกน ,มังสวิรัติ ,Plant-based และ Flexitarian ไอศกรีม Plant-based ก็ตอบโจทย์สำหรับคนกลุ่มนี้

นายวรุตม์ ยังกล่าวต่ออีกว่า การรุกตลาด Ready to Eat ในครั้งนี้ เป็นการเปิดตัวแบรนด์ลูกใหม่ในนาม "มาทาน (Matan)" ภายใต้แนวคิด "อร่อยได้ไม่รู้สึกผิด" ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารทานง่ายๆ เช่น ขนมขบเคี้ยว ของหวาน เครื่องปรุง และสินค้าพร้อมทาน นอกจาก Molly Ally แล้ว บริษัท มีท อวตาร จำกัด ยังมีร่วมมือกับแบรนด์ร้านอาหารหลากหลาย อาทิเช่น Salad Factory ทำน้ำสลัด Plant-based 100% เป็นต้น กลยุทธ์ของเราเป็นการรวมตัวกันของแบรนด์ต่างๆ เพื่อนำความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายมาเสริมซึ่งกันและกัน เกิดเป็นนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตออกสู่ตลาดต่อไป

สามารถหาซื้อไอศกรีม Plant-based ได้ก่อนใครในช่องทางออนไลน์ตั้งแต่ตอนนี้ที่ facebook Meat Avatar หรือ Line @MeatAvatar และในช่วงเดือนมีนาคม 2565 จะเริ่มวางจำหน่ายในซุเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ,ร้านอาหาร และร้านสุขภาพทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-862-3331

 

5276
กลับมาอีกครั้ง สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ขอเชิญเข้าร่วมคอร์ส Digital Marketing In Action [pr] รุ่นที่ 4

8 วัน 8 หัวข้อ กับ 15 ผู้เชี่ยวชาญในสายงานดิจิทัลในคอร์สเดียว ได้ทั้งความเข้าใจ และกลับไปทำได้จริง

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ขอเชิญท่านพบกับคอร์ส "Digital Marketing In Action รุ่นที่ 4" หนึ่งเดียวที่จะให้ท่านผู้บริหารได้ reskill และ upskill ความรู้เกี่ยวกับการตลาดในโลกยุคดิจิทัลแบบเจาะลึก 8 วัน 8 หัวข้อ กับ 15 ผู้เชี่ยวชาญในสายงานดิจิทัล ในวันที่ 11 มีนาคม - 8 เมษายน 2565 เวลา 09.00 - 16.00 น. ณ โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยท์ เทอมินอล 21

พลาดไม่ได้ หากท่านเป็นผู้บริหาร นักการตลาด เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ SME และผู้ที่สนใจในการทำการตลาดออนไลน์ ที่ต้องการเรียนรู้โลกการตลาดยุคใหม่ ทั้งในเรื่องของเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง กลยุทธ์และวิธีการทำการตลาดที่เปลี่ยนไป เรียนรู้จากหลากหลาย case study ที่น่าสนใจ และนำสิ่งที่เรียนมาปรับใช้ลงมือทำในรูปแบบ workshopหลักสูตร "Digital Marketing In Action" จะช่วยให้คุณ

มองเห็นภาพกว้างการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัลในอนาคต
มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
ฝึกการเจาะใจและเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล
เข้าใจว่า DATA มีผลต่อการ Run Business อย่างไร?
เข้าใจการสร้างคอนเทนต์ให้มีคุณค่า เนื้อหาโดนใจลูกค้า
เรียนรู้การวางแผนกลยุทธ์ แผนปฎิบัติการณ์ การวาง KPI
เข้าใจภาพรวมของแพลตฟอร์มใหม่ๆ รวมถึงกลยุทธ์ในการใช้ Digital Media
และได้รู้จริง ผ่านการทำ workshop วางแผนการตลาดดิจิทัลจากโจทย์จริง
เรียนจริง ลงมือจริง รู้จริง เอาไปทำได้จริง?โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในสายงานการตลาดดิจิทัลคุณกัญชลี สำลีรัตน์ Founder and Managing Director at DigiNative - a member of iiG

คุณจรัส จรัสรุ่งเรืองชัย Senior professional marketing technology enablement, Card X
คุณณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน ผู้เขียนหนังสือ Personalized Marketing
คุณณัฐวรรธน์ ศรีสุข Director, Digital Marketing Program School of Business Administration, Bangkok University
ดร.ดั่งใจถวิล อนันตชัย COO, INTAGE Thailand
คุณธัญญ์นิธิ อภิชัยโชติรัตน์ นักการตลาดดิจิทัลยอดเยี่ยมของเอเชีย, 1 ใน 10 Facebook Alpha Tester ของประเทศไทย และ LINE Certified Coach
คุณธีระฑัต หนูดำ Digital Asset investor เจ้าของเพจ คยต และ Mooncat แมวกาวเกมส์
คุณบังอร สุวรรณมงคล CEO and Founder, Hummingbirds Consulting
คุณภัชภิชา เม่นมิ่ง Growth Partnership Team Lead, Tiktok
คุณเมธี จารุมณีโรจน์ Managing Partner, BrandAholics
คุณรจนา ดำเกิงตระกูล Head of Agency and Google Marketing Platform, Google Thailand
คุณวศุตม์พล ชฎาธรสุธาสิน Human Relationship Building Expert, Professional instructor and Inspirer
ดร.สมชาติ วิศิษฐชัยชาญ กรรมการบริหารและที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร, ศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
คุณสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล Strategic Planning Director &Co-Founder, BrandBaker Co.,Ltd.
คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร, กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

5277
สหรัฐเผยดัชนี CPI พุ่ง 7.5% สูงกว่าคาดการณ์ ทำนิวไฮ 40 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) [pr] ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.5% ในเดือนธ.ค.

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525 แลุสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.5% ในเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.6% ในเดือนธ.ค.

5278
โอกาสทอง ‘จุรินทร์’ จัด “จับคู่กู้เงิน ลุยตลาด RCEP [pr]” ให้สินเชื่อพิเศษส่งเสริมสินค้าไทยบุกตลาดใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ?จับคู่กู้เงิน ลุยตลาด RCEP? พร้อมด้วยนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีโอ โกล. โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ที่มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นเจ้าภาพร่วมกับ EXIM BANK บสย. และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดโครงการที่ดำเนินการมาถึง 3 Lot คือ Lot 1 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินหลายแห่งมาช่วยต่อลมหายใจในรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขพิเศษ และมี บสย. มาช่วยให้บรรลุเป้าหมายซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64 - ต.ค. 64 สามารถปล่อยกู้ให้กับร้านอาหารทั่วประเทศได้ถึง 2,895 ราย วงเงิน 2,627 ล้านบาท เพราะความร่วมมือของสถาบันการเงินที่ผ่อนปรนจึงเกิดเป็นรูปธรรมได้จริง และ Lot ที่ 2 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ช่วงเดือน ก.ค. 64 - 28 ก.พ. 65 ปล่อยกู้ได้ 611 ราย วงเงิน 4,000 กว่าล้านบาท ครั้งนี้ถือเป็น Lot ที่ 3 จับคู่กู้เงินระหว่าง EXIM BANK กับผู้ประกอบการที่จะบุกตลาด RCEP ซึ่งมีทั้ง SMEs วิสาหกิจชุมชน สตาร์ทอัพ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีโอกาสได้สินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนพิเศษไปต่อยอด เพื่อบุกตลาด RCEP นำเงินเข้าประเทศต่อไปภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงเอกชนและสถาบันการเงิน

นายจุรินทร์ เพิ่มเติมว่า ตนเป็นผู้หนึ่งที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่เราเป็นเจ้าภาพ ตนเป็นประธานในช่วงที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งมี 20 เรื่องต้องหาข้อสรุป มาถึงประเทศไทยจบมา 7 เรื่อง เหลืออีก 13 เรื่อง เราใช้เวลา 1 ปี บากบั่นมุ่งมั่นในที่สุดได้ข้อสรุปครบทั้ง 20 ข้อบท สามารถลงนามได้ โดยผู้นำประเทศของ 15 ประเทศ สามารถลงนามร่วมกันได้ ทำให้ความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคมปีนี้ แม้มีบางประเทศที่ยังไม่มีผลใช้บังคับ เนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินการภายในประเทศ และคาดว่าจะมีผลใช้บังคับครบทั้ง 15 ประเทศโดยเร็ว ถือว่านับหนึ่งแล้วสำหรับประเทศไทยที่บังคับใช้แต่ 1 มกราคม 2565 ซึ่ง RCEP เป็น FTA ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรรวมกันประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก และ GDP ประมาณ 1 ใน 3 ของ GDP โลก ที่สำคัญการค้าทั้งหมดของไทยที่มีกับโลกเป็นการค้าของไทยกับกลุ่มประเทศ RCEP 14 ประเทศ ถึงกว่าครึ่งหนึ่ง การเตรียมการสำหรับการบุกตลาดอย่างเป็นรูปธรรมมีความสำคัญในการนำรายได้เข้าประเทศต่อไป

นอกจากนี้ ทันทีที่ RCEP บังคับใช้ สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังสมาชิก 39,366 รายการ จะภาษีเป็นศูนย์ และเป็นศูนย์ทันทีถึง 29,891 รายการ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลที่เราจะได้รับ ?จับคู่กู้เงิน ลุยตลาด RCEP? จะเป็นหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้สิ่งนี้เป็นจริงได้ในอนาคตอันใกล้ สำหรับการจับคู่กู้เงินครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ EXIM BANK ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนมาก และดอกเบี้ยปกติในตลาดประมาณ 5.75% แต่โครงการนี้เหลือแค่ 2.75%

ต่อปีในปีแรก วงเงินรายละไม่เกิน 50 ล้านบาท และที่สำคัญทันทีที่รับคำขอ จะมีคำตอบใน 7 วันทำการ ได้เตรียม

วงเงินไว้กว่า 3,000 ล้านบาท สำหรับโครงการครั้งนี้ และ บสย.มาช่วยค้ำประกันให้ ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทที่ผ่อนปรนและที่สำคัญจะไม่จัดเฉพาะวันนี้ จะมีการเดินสายทั้งในกรุงเทพฯ และ 4 ภูมิภาคด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้ SMEs สตาร์ทอัพในต่างจังหวัดได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้คล่องตัวสะดวกขึ้น และจะมีระบบออนไลน์ในการยื่นเงื่อนไขเพื่อให้สะดวกขึ้น

ทั้งนี้ ความตกลง RCEP เป็นความตกลงการค้าเสรี (FTA) ฉบับที่ 14 ของไทย โดยมี GDP รวมมูลค่า 28.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (33.6% ของ GDP โลก) และมูลค่าการค้ารวม 10.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (30.3% ของมูลค่าการค้าของโลก) สำหรับปี 2564 การค้าของไทยกับกลุ่มประเทศ RCEP มีมูลค่ารวม 3.11 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (57.7% ของการค้ารวมของไทย) โดยไทยส่งออกไป RCEP มูลค่า 1.46 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (53.8% ของการส่งออกไทยไปโลก) และไทยนำเข้าจาก RCEP มูลค่า 1.65 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (61.7% ของการนำเข้าไทยจากโลก)

5279
ขอบพระคุณขอรับ ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ดันๆๆ

5280
เครื่องสำอางหรือสรับประทานห่วงใยในตอนนี้นั้นมีหลายชนิดให้เลือกใช้ แต่ในปีข้างหลังๆมานี้ aurablue [pr] serum ได้เปลี่ยนเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สรับประทานสนใจที่ทั้งหญิงรวมทั้งชายส่วนใหญ่เริ่มหันมาพอใจ ซึ่งถ้าคนไหนกันแน่ยังไม่เคยรู้ว่า เซรั่ม คืออะไร? เพราะอะไรถึงควรที่จะใช้เซรั่ม? เซรั่มเหมาะสมกับผิวของเราไหม? ผลสรุปเซรั่มน่ารู้ทั้งปวงนั้นอยู่ข้างล่างนี้แล้ว!



เซรั่ม (Serum) คืออะไร?
aurablueเป็นสินค้าดูแลรักษาผิวหนังที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก รูปแบบของเนื้อเซรั่มจะมีความบางเบากว่าเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ชนิดครีม โดยเนื้อของเซรั่มจะสามารถมีความเหลวไปจนถึงครึ่งเหลว ส่วนในเรื่องของสีเนื้อเซรั่มอาจจะมีความใส ความขุ่น หรือมีสี ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับส่วนผสม สารสกัด รวมทั้งการออกเเเบบสูตรของเซรั่มแต่ละประเภท สิ่งที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เซรั่มเป็นจะมีความเข้นข้นของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ที่สูงกว่าสินค้าเพื่อการดูแลรักษาผิวจำพวกอื่นๆจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสำหรับในการฟื้นบำรุงผิวได้อย่างมีคุณภาพสูง สามารถใช้ได้ในปริมาณน้อย เพียงไม่กี่หยด แต่ว่ายังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี แล้วก็เพราะเหตุว่า aurablue เซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถซึมซามเข้าสู่ผิวได้อย่างเร็วและลึกล้ำถึงระดับองค์ประกอบผิว เพราะฉะนั้นเซรั่มก็เลยมอบประโยชน์ซึ่งมาจากสารสกัดและก็ส่วนประกอบสำหรับเพื่อการบำรุงต่างๆให้แก่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม



ทำไมถึงควรจะใช้เซรั่ม?
ก่อนที่จะเราจะตอบปัญหาข้อนี้ว่า เพราะเหตุใดพวกเราถึงควรที่จะใช้ aurablue เซรั่ม? เราควรจะเปรียบเทียบเซรั่มกับสินค้าสำหรับการบำรุงผิวที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น ครีม กันก่อนดีมากยิ่งกว่า แน่นอนว่าสินค้าอีกทั้ง 2 ประเภทนี้ควรจะมีความต่างกัน แล้วก็มีความเหมาะสมสำหรับเพื่อการใช้บำรุงผิวที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้แล้วเราไปทำความรู้จักครีมกันสักอีกนิดก่อน!

ครีม (Cream) เป็นอย่างไร?
ครีมหมายถึงผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาผิวหนังที่มีส่วนประกอบทั้งน้ำมันแล้วก็น้ำ ผ่านกรรมวิธีการที่รวมเข้าด้วยกันจนถึงเกิดเป็นเนื้อครีมที่มีความข้น และให้เนื้อสัมผัสเวลาทาลงบนผิวที่หนักกว่าเซรั่ม รูปแบบของเนื้อครีมก็จะมีหลากหลายสัมผัสซึ่งจะแตกต่างกันตามจุดมุ่งหมายของการใช้แรงงาน ตัวอย่างเช่น Day Cream สำหรับทาช่วงเวลาเช้า ก็จะมีเนื้อสัมผัสที่เบาบางกว่า Night Cream สำหรับทาตอนค่ำ เป็นต้น ในส่วนของเนื้อครีมจะมีสีขุ่นค่อนไปทางขาว แม้กระนั้นอย่างไรก็แล้วแต่ส่วนผสม สารสกัด และก็การออกแบบสูตรครีมแต่ละชนิด ก็จะส่งผลต่อสีของเนื้อครีมที่จะมีความไม่เหมือนกันไป สิ่งสำคัญของสินค้าจำพวกครีมไม่ว่าจะเป็นครีมประเภทไหนก็ตาม จะเน้นย้ำไปในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการให้ความชุ่มชื้นกับผิว เมื่อพวกเราทาครีมจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่า ครีมจะผิดซึมซับเข้าไปในผิวหนังในทันที พวกเราจำเป็นจะต้องใช้เวลาเกลี่ยเนื้อครีมซักพักนึง และก็เนื้อครีมจะปฏิบัติภารกิจฉาบผิวข้างนอกเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ สำหรับส่วนของสารออกฤทธิ์สำคัญในครีมจะมีน้อชูว่าในเซรั่ม



จุดเด่นของเซรั่ม (aurablue Serum) และ ครีม (Cream)
จุดเด่นของ aurablue
1. ย้ำการฟื้นบำรุงแก้ไขผิวเฉพาะจุดได้โดยตรง
2. มีสารบำรุงผิวต่อหยดที่เข้มข้นมาก ก็เลยช่วยจัดการกับปัญหาผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ซึมเร็วและก็ลงลึกก็เลยทำให้มีความรู้สำหรับในการบำรุงผิวจากข้างในสู่ด้านนอก
4. มีความเบาบาง ไม่เหนียวหนืดเหนอะ ไม่เน้นการเคลือบผิว ทำให้มีโอกาสน้อยมากในการมีการสิว
aurablue เซรั่มไม่กัดกันแต่ว่าเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าอื่นที่ใช้ร่วมด้วย

ข้อดีของครีม
1. ครีมมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวและก็หนัก ช่วยในเรื่องการให้ความชื้นแก่ผิวได้ดี
2. ครีมทำหน้าที่เป็นฟิล์มถ่ายรูปหุ้มผิวชั้นนอก ช่วยคุ้มครองการสูญเสียน้ำออกจากผิว
3. ครีมแพงถูกกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทเซรั่ม
4. ครีมเหมาะสมกับผู้ที่มีผิวแห้ง

กระบวนการเลือกใช้ระหว่างเซรั่มกับครีมกล้วยๆ
ครีม เหมาะสมกับคนที่ต้องการเพิ่มหรือแก้ไขปัญหาความชื้นของผิว
aurablue เซรั่ม เหมาะสมกับคนที่ต้องการขจัดปัญหาผิวเฉพาะจุดให้ได้อย่างตรงจุด



aurablue เซรั่ม เหมาะสมกับผู้ใช้ชนิดไหน?
เซรั่มมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ที่ตอบโจทย์สำหรับในการเเก้ปัญหาดูแลผิวเฉพาะจุดอย่างระบุ เนื่องจากเซรั่มมีส่วนผสมของสารสำคัญที่เข้มข้น พร้อมทั้งมีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ทำให้ซึมซาบไปสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปจัดการกับปัญหาผิวได้จากด้านใน

ชนิดของเซรั่ม
1. ช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)
2. ช่วยปกป้องสิวและก็ลดรอยดำจากสิว (Anti-Acne Serum)
3. ช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serum)
4. ช่วยทำให้ผิวกระจ่างขาวใส ลบเลือนจุดด่างดำ (Skin-Brightening Serum)
5. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นรักษาผิวแห้งจากด้านใน (Hydrating Serum)
6. ช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมแล้วก็ฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม (Renewing Serum)
เซรั่มช่วยสำหรับเพื่อการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Exfoliating Serum)
aurablue เซรั่มที่ดีเหมาะกับคุณ คือ เซรั่มที่มาจากสารสกัดธรรมชาติ ปลอดภัยไม่มีสารต่างๆที่ได้โอกาสกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการระคายเคืองต่อผิว แล้วก็มีการนิยามการดูแลแก้ปัญหาผิวของคุณอย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งหากคุณมีหลายปัญหาผิวที่ปรารถนาดูแล เราขอเสนอแนะเซรั่มบำรุงผิวหน้าของพวกเรา เซรั่มที่เก็บรวบรวมสารสกัดต่างๆเพื่อแก้ไขและก็ฟื้นฟูให้ผิวหน้าสุขภาพดีขึ้น

การใช้เซรั่มให้ได้สมรรถนะสูงสุด
ชำระล้างผิวให้เรียบร้อย
เนื่องจาก aurablue มีโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อให้กำเนิดประสิทธิภาพสำหรับในการซับเข้าสู่ผิวที่เยี่ยมที่สุด เราควรชำระล้างผิวหน้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย กำจัดสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนผิวหน้า เช่น เครื่องสำอาง น้ำมันเหงื่อไคล ที่ปิดบังรูขุมขนด้วยการชำระล้างให้สะอาดหมดจด และก็จะดีขึ้นไปกว่านั้นอีก แม้เราสามารถล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำอุ่น ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ดีต่อภาวะผิวหน้า (อย่าลืม! ล้างหน้ารวมทั้งเช็ดบริเวณใบหน้าด้วยความอ่อนโยน อย่าถูใบหน้าแรงเหลือเกิน ด้วยเหตุว่าจะก่อให้เกิดการระคายต่อผิวหน้าได้)
ลง aurablue เซรั่มขณะผิวกำลังเปียกชื้น
ผิวที่ชื้นจะช่วยทำให้เซรั่มซึมผ่านผิวได้ง่ายดายยิ่งกว่าผิวที่แห้งถึง 10 เท่า ด้วยเหตุนี้พวกเราควรจะลงเซรั่มภายหลังอาบน้ำหรือหลังการใช้โทนเน่อร์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ทันที
ใช้เซรั่มเพียง 2-3 หยด ก็พอบำรุงทั่วทั้งยังหน้า
เซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็กรวมทั้งมีความเข้มข้นสูงมาก โดยเหตุนี้ใช้เพียงแต่ 2-3 หยดเท่าเมล็ดถั่ว ก็พอเพียงต่อสิ่งที่จำเป็นบำรุงบริเวณใบหน้า เราเพียงแค่จำเป็นต้องกระจัดกระจายเนื้อเซรั่มให้ทั่วทั้งหน้า โดยการลงเซรั่มที่ตำแหน่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น หน้าผ้า แก้มทั้ง 2 ข้าง และเกลี่ยเซรั่มให้กระจัดกระจายเท่าทั่ว
ใช้สินค้าจำพวกอื่นหลังลงเซรั่มได้ทันที



แม้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวหลายหมวดหมู่ เราควรใช้เซรั่มเป็นขั้นแรก เนื่องจาก aurablue เซรั่มจะมีความเบาบางมากยิ่งกว่าสรับประทานแคร์อื่นๆการลงผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เนื้อหนักกว่าก่อนเซรั่ม จะทำให้เซรั่มไม่อาจจะซึมไปสู่ผิวหนังก้าวหน้า ด้วยเหตุว่าผิวหนังถูกอุดกลั้นฉาบด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆไปเเล้ว โดยเหตุนี้เพื่อให้เกิดความสามารถที่เยี่ยมที่สุด อย่าลืมที่จะลงเซรั่มเป็นอันดับเเรก รวมทั้งหลังจากที่ใช้เซรั่มผิวของคุณจะยังคงความชุ่มชื้นอยู่ ซึ่งจะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการดูดซึมของผิวหนังต่อสินค้าอื่นๆให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วยมาถึงจุดนี้คุณคงจะพอรู้ว่า ปัญหาผิวหน้าที่คุณพบเจออยู่ในตอนนี้เหมาะสมกับการบำรุงด้วยเซรั่มไหม และถ้าเกิด “ใช่” หวังว่าเนื้อหานี้จะช่วยทำให้คุณหันมาใช้เซรั่มด้วยความมั่นใจขึ้นนะ

"ออร่าบลูจะทำให้คุณออร่า เพราะผิวสวย ไม่ใช่แค่กระจ่างใส"

สนใจสมัครตัวแทนจำหน่าย

www.aurabluecenter.com [pr]

Line id : @aurayou (มี @ ด้านหน้า)

Pages: 1 ... 350 351 [352] 353