Author Topic: แนวทางในการเลือกหัวขับลม กระบอกลม และเกจวัดแรงดัน  (Read 34 times)

Jessicas

  • Hero Member
  • *****
  • Posts: 6041
  • รับทำ SEO No.1 SEONo1.co.th
    • View Profile
หัวขับลม [pr]
SIRCA Pneumatic actuator หัวขับลม SIRCA
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเลือกขนาดแอคทูเอเตอร์
1)รู้ว่าแรงบิดที่แท้จริงของวาล์วหรือเครื่องมืออื่นๆจะเป็นแบบอัตโนมัติ โดยพิจารณาถึงค่าสัมประสิทธิ์ความปลอดภัย (SIRCA แนะนำอย่างน้อย 25%) แรงบิดของวาล์ว (แนะนำความปลอดภัยอย่างน้อย 25%)
2) ตัดสินใจว่าตัวควบคุมควรต้องทำหน้าที่สองครั้งหรือสปริงกลับ - การทำงานแบบ Double Act หรือ Spring Return
3) ทราบแรงดันอากาศจริงที่พร้อมใช้งาน - แรงดันใช้งานขั้นต่ำที่ใช้ได้ HOW TO SIZE แอคทูเอเตอร์คู่ (DA) - การเลือกแอคทูเอเตอร์คู่ (DA) ขนาดของแอคทูเอเตอร์แบบดับเบิลแอคทูเอเตอร์นั้นง่ายอย่างยิ่ง ควรต้องรู้แรงบิดที่ต้องการของวาล์วที่มากขึ้นอย่างน้อย 25%) แล้วก็ความกดอากาศที่มีอยู่จากนั้น ให้เข้าร่วมการอ้างอิงทั้งคู่และก็รับแบบจำลองแอคทูเอเตอร์ที่เกี่ยวข้องในทันที
ตัวอย่าง: ต้องทำวาล์วอัตโนมัติที่ต้องการแรงบิด 80Nm มากขึ้น 25% = 100Nm ที่ 5 บาร์ของการจ่ายอากาศ ตัวเลือกนี้ตกอยู่ที่รุ่น AP 4 DA ซึ่งพัฒนาแรงบิด 119 Nm





ข้อพึงระวัง: ค่าแรงบิดที่เลือกซึ่งกำหนดรุ่นของแอคชูเอเตอร์จำต้องไม่น้อยกว่าค่าแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ระบุแรงบิดของวาล์วที่ต้องการ ซึ่งควรรวมทั้งระยะขอบความปลอดภัย 25% และก็แรงดันใช้งานอย่างต่ำที่มี อ้างถึงตารางแรงบิดแรงดัน abd เลือกคอลัมน์แรงดันต่ำสุดที่ใช้งานได้ ปฏิบัติตามคอลัมน์นี้จนถึงเจอค่าไม่น้อยกว่าที่ต้องการ ต่อไปอ่านผ่านไปที่คอลัมน์ทางซ้ายและก็อ่านหมายเลขรุ่นที่จะสั่งซื้อ วาล์วทอร์คที่เลือกซึ่งกำหนดชนิดของแอคทูเอเตอร์ควรต้องไม่น้อยกว่าที่ระบุ ค่าแรงบิดของวาล์ว ทอร์คแอคทูเอเตอร์

กระบอกลม [pr] (Pneumatic Air Cylinder)
หรือเรียกอีกชื่อว่า Actuator คือเครื่องมือที่ใช้ลมทำให้ก้านกระบอกลมเคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง หรือหมุน 90, 180, 270 หรือ 360 องศา
เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงพลังงานในรูปแบบความดันลมให้เป็นพลังงานกลในลักษณะของการเคลื่อนที่โดยแบ่งตามรูปแบบการทำงานหรือการเคลื่อนที่ได้ 3 จำพวก คือ
1. กระบอกลูกสูบลม (Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นตรง
2. กระบอกลม (Air Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นรอบวง
3. กระบอกลมนิวเมติกส์ทำงานแบบพิเศษ (Special Actuator) คือกระบอกลมนิวเมติกส์ที่มีลักษณะการทำงานแตกต่างจาก 2 ประเภทที่กล่าวมา กระบอกลมนิวเมติกส์แต่ละประเภทจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไปตามเป้าหมายของการนำไปใช้งาน





กระบอกลม Air Cylinder ชนิดต่างๆ
1. กระบอกลมมาตรฐาน (Standard Cylinder)
ส่วนประกอบของกระบอกจะผลิตด้วยวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมเหลว ที่ถูกอัดลงบนแม่พิมพ์กระบอกลมอีกทีหนึ่ง กระบอกลมชนิดนี้จะมีมาตรฐาน ISO 15552 มีหลายแบบให้เลือกใช้งาน เช่น กระบอกลมแบบติดวาล์วควบคุมทิศทาง (Pneumatics Control), กระบอกลมแบบสี่เสา(Tie Red Type Cylinders), กระบอกลมแบบโปรไฟล์ (Profile Type Cylinders) แล้วก็กระบอกลมที่เป็นแบบล็อคก้านสูบได้ (Lock Cylinder)
2. กระบอกลมขนาดเล็ก (Mini Cylinder)
เหมาะกับงานที่ใช้แรงดันลมไม่มากเท่าไรนัก งานสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง โดยมีขนาดต่างๆอาทิเช่น กระบอกลมแบบมินิ (Mini Cylinders), กระบอกลมปากกา (Pen Sign Cylinders)
3. กระบอกลมแบบคอมแพค (Compact Cylinder)
มีความโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน ลักษณะของกระบอกจะเป็นแบบสี่เหลี่ยม แบบทรงแผ่น แล้วก็แบบมีเพิ่มก้านนำทาง
1. กระบอกลมแบบไม่มีก้านสูบ (Rodless Cylinders)
มีความไม่เหมือนจากกระบอกลมประเภทอื่นตรงที่ไม่มีก้านลูกสูบ มีการใช้งานกันอยู่ 2 จำพวก คือ
– แบบแมคคานิคอลจ๊อย(Mechanically Jointed Rod less Cylinder)
– แบบใช้แรงดูดของแม่เหล็ก (Magnetically Coupled Cylinder)
การทำงานของกระบอกลมชนิดนี้คือ กระบอกลมจะเคลื่อนที่บนแกนเพลาที่ยึดหัวเเละท้าย เคลื่อนที่ได้จากแรงของแม่เหล็กที่เคลื่อนที่ไป-มาอยู่ตลอดเวลา กระบอกลมประเภทนี้เหมาะสมกับงานที่ต้องการช่วงชักยาว
4. กระบอกลมแบบเลื่อน/สไลด์ (Slide Table Cylinder)
คุณสมบัติเด่นของกระบอกลมจำพวกนี้คือ สามารถเลื่อนได้ (Slide Table Air Cylinder) ซึ่งกระบอกลมจำพวกอื่นทำไม่ได้ แบ่งได้ 3 ประเภท
1. แบบแผ่นเลื่อนความแม่นยำสูง (Air Slide Table/Precision Cylinder)
2. แบบเลื่อนยาว (Air Slide Table/Long Stroke)
3. แบบเลื่อนชนิดคอมแพ็ค (Compact Air (Cylinder) Slide Table) สามารถปรับแต่งช่วงชัก หรือตำแหน่งการติดตั้งได้อย่างอิสระ

เกจวัดแรงดัน [pr] (pressure gauge)
เป็นเครื่องมือจำเป็นสำหรับการใช้วัดหรืออ่านค่าแรงดันก๊าซและก็ของเหลว เกจวัดแรงดันแบ่งได้เป็นหลายจำพวกมาก การจะเลือกซื้อเกจวัดแรงดันไปใช้ให้ถูกงานนั้นจะต้องพิจารณาถึงชนิดต่างๆของเกจวัดความดันดังนี้
เกจวัดแรงค่าดันจะแบ่งเป็น 3 จำพวกหลักๆด้วยกัน คือ
1.General pressure gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าบวก
2. Vacuum gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าลบ
3. Compound gauge สามารถวัดแรงดันได้ทั้งค่าบวกและก็ลบได้ในตัวเดียวกัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นเครื่องมือวัดที่ทนต่อแรงสั่นสะเทือนเพื่อใช้สำหรับการวัดความดันซึ่งควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแบ่งเกจได้เป็นทั้งยังแบบอนาล็อกแล้วก็เกจดิจิตอล





เกจวัดแรงดัน อนาล็อกหรือดิจิตอล
1. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล จะมีราคาสูงกว่าเพจอนาล็อกแต่จะมีข้อดีกว่าตรงเกจแบบดิจิตอลมีความแม่นยำมากกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการการวัดความดันถูกต้องสูง ยิ่งกว่านั้นเกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะไกลได้ด้วย
เพรสเชอร์เกจแบบดิจิตอล เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล
2. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (แบบเข็ม) มีข้อดีก็คือราคาถูกกว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากเมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งออกอีกเป็น 2 ชนิด คือ
2.1 เกจวัดแรงดันอนาล็อกปรกติ มีข้อดีคือ ราคาถูก แต่ว่าจะรับแรงสะเทือนสูงไม่ได้
โดยปกติสำหรับในการสั่งซื้อสิ่งที่ควรจะกำหนดสำหรับเครื่องไม้เครื่องมือวัดแรงดันมีดังนี้
- หน่วยวัด(Unit) คือ หน่วยความดันบนหน้าปัดที่พวกเราต้องการที่จะให้อุปกรณ์วัดแสดง
- ย่านการวัด (Range) คือ ช่วงความดันต่ำสุด-สูงสุด ที่อุปกรณ์ตัวนั้นสามารถวัดให้เราได้
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหน้าปัดเครื่องมือวัด มักระบุเป็น นิ้วหรือมิลลิเมตร
- ชนิดวัสดุ คือ ประเภทของวัสดุที่ใช้เป็นตัวเรือน : เหล็ก / พลาสติก / สแตนเลส / ทองเหลืองแล้วก็วัสดุใช้ทำเกลียว : ทองเหลือง / สแตนเลสแบบ/ขนาดของเกลียว (Type/Thread size) คือ ขนาดของเกลียวที่จะใช้ต่อกับอุปกรณ์อื่น มีทั้งแบบออกด้านล่างและก็ออกข้างหลัง ตัวอย่างขนาดเกลียวมาตรฐาน NPT และ BSP
- ออฟชั่นพิเศษต่างๆตัวอย่างเช่น แบบมีน้ำมัน มีปีกยึดติดตู้