Author Topic: แนวทางในการเลือกหัวขับลม กระบอกลม และเกจวัดแรงดัน  (Read 63 times)

Hanako5

  • Hero Member
  • *****
  • Posts: 6873
  • รับทำ SEO No.1 SEONo1.co.th
    • View Profile
หัวขับลม [pr]
SIRCA Pneumatic actuator หัวขับลม SIRCA
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับในการเลือกขนาดแอคทูเอเตอร์
1)ทราบว่าแรงบิดที่แท้จริงของวาล์วหรือเครื่องมืออื่นๆจะเป็นแบบอัตโนมัติ โดยพิจารณาถึงค่าสัมประสิทธิ์ความปลอดภัย (SIRCA แนะนำขั้นต่ำ 25%) แรงบิดของวาล์ว (แนะนำความปลอดภัยอย่างน้อย 25%)
2) ตัดสินใจว่าตัวควบคุมต้องทำหน้าที่สองครั้งหรือสปริงกลับ - การทำงานแบบ Double Act หรือ Spring Return
3) รู้แรงดันอากาศจริงที่พร้อมใช้งาน - แรงดันใช้งานขั้นต่ำที่ใช้ได้ HOW TO SIZE แอคทูเอเตอร์คู่ (DA) - การเลือกแอคทูเอเตอร์คู่ (DA) ขนาดของแอคทูเอเตอร์แบบดับเบิลแอคทูเอเตอร์นั้นง่ายมาก จำต้องรู้แรงบิดที่ต้องการของวาล์วที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25%) และก็ความกดอากาศที่มีอยู่จากนั้น ให้เข้าร่วมการอ้างอิงทั้งสองแล้วก็รับแบบจำลองแอคทูเอเตอร์ที่เกี่ยวข้องทันที
ตัวอย่าง: ต้องทำวาล์วอัตโนมัติที่ต้องการแรงบิด 80Nm เพิ่มขึ้น 25% = 100Nm ที่ 5 บาร์ของการจ่ายอากาศ ตัวเลือกนี้ตกอยู่ที่รุ่น AP 4 DA ซึ่งพัฒนาแรงบิด 119 Nm





ข้อควรคำนึง: ค่าแรงบิดที่เลือกซึ่งระบุรุ่นของแอคชูเอเตอร์จำต้องไม่น้อยกว่าค่าแรงบิดของวาล์วที่ต้องการ กำหนดแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ซึ่งควรรวมถึงระยะขอบความปลอดภัย 25% และแรงดันใช้งานอย่างต่ำที่มี อ้างถึงตารางแรงบิดแรงดัน abd เลือกคอลัมน์แรงดันต่ำสุดที่ใช้งานได้ ปฏิบัติตามคอลัมน์นี้จนพบค่าไม่น้อยกว่าที่ต้องการ ต่อไปอ่านข้ามไปที่คอลัมน์ด้านซ้ายและอ่านเลขลำดับรุ่นที่จะสั่งซื้อ วาล์วทอร์คที่เลือกซึ่งกำหนดประเภทของแอคทูเอเตอร์จำเป็นที่จะต้องไม่น้อยกว่าที่ระบุ ค่าแรงบิดของวาล์ว ทอร์คแอคทูเอเตอร์

กระบอกลม [pr] (Pneumatic Air Cylinder)
หรือเรียกอีกชื่อว่า Actuator คือเครื่องมือที่ใช้ลมทำให้ก้านกระบอกลมเคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง หรือหมุน 90, 180, 270 หรือ 360 องศา
เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงพลังงานในรูปแบบความดันลมให้เป็นพลังงานกลในรูปแบบของการเคลื่อนที่โดยแบ่งตามแนวทางการทำงานหรือการเคลื่อนที่ได้ 3 ประเภท คือ
1. กระบอกลูกสูบลม (Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นตรง
2. กระบอกลม (Air Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นรอบวง
3. กระบอกลมนิวเมติกส์ทำงานแบบพิเศษ (Special Actuator) คือกระบอกลมนิวเมติกส์ที่มีลักษณะการทำงานไม่เหมือนกับ 2 ประเภทที่กล่าวมา กระบอกลมนิวเมติกส์แต่ละจำพวกจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไปตามจุดมุ่งหมายของการนำไปใช้งาน





กระบอกลม Air Cylinder ประเภทต่างๆ
1. กระบอกลมมาตรฐาน (Standard Cylinder)
องค์ประกอบของกระบอกจะผลิตด้วยวัสดุที่เป็นอลูมินัมเหลว ที่ถูกอัดลงบนแม่พิมพ์กระบอกลมอีกทีหนึ่ง กระบอกลมชนิดนี้จะมีมาตรฐาน ISO 15552 มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน อาทิเช่น กระบอกลมแบบติดวาล์วควบคุมทิศทาง (Pneumatics Control), กระบอกลมแบบสี่เสา(Tie Red Type Cylinders), กระบอกลมแบบโปรไฟล์ (Profile Type Cylinders) และก็กระบอกลมที่เป็นแบบล็อคก้านสูบได้ (Lock Cylinder)
2. กระบอกลมขนาดเล็ก (Mini Cylinder)
เหมาะสำหรับงานที่ใช้แรงดันลมไม่มากนัก งานสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง โดยมีขนาดต่างๆตัวอย่างเช่น กระบอกลมแบบมินิ (Mini Cylinders), กระบอกลมปากกา (Pen Sign Cylinders)
3. กระบอกลมแบบคอมแพค (Compact Cylinder)
มีความโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน ลักษณะของกระบอกจะเป็นแบบสี่เหลี่ยม แบบทรงแผ่น รวมทั้งแบบมีเพิ่มก้านนำทาง
1. กระบอกลมแบบไม่มีก้านสูบ (Rodless Cylinders)
มีความไม่เหมือนจากกระบอกลมจำพวกอื่นตรงที่ไม่มีก้านลูกสูบ มีการใช้งานกันอยู่ 2 ชนิด คือ
– แบบแมคคานิคอลจ๊อย(Mechanically Jointed Rod less Cylinder)
– แบบใช้แรงดูดของแม่เหล็ก (Magnetically Coupled Cylinder)
การทำงานของกระบอกลมจำพวกนี้คือ กระบอกลมจะเคลื่อนที่บนแกนเพลาที่ยึดหัวเเละท้าย เคลื่อนที่ได้จากแรงของแม่เหล็กที่เคลื่อนที่ไป-มาอยู่ตลอดเวลา กระบอกลมชนิดนี้เหมาะสมกับงานที่ต้องการช่วงชักยาว
4. กระบอกลมแบบเลื่อน/สไลด์ (Slide Table Cylinder)
คุณสมบัติเด่นของกระบอกลมประเภทนี้คือ สามารถเลื่อนได้ (Slide Table Air Cylinder) ซึ่งกระบอกลมประเภทอื่นทำไม่ได้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. แบบแผ่นเลื่อนความแม่นยำสูง (Air Slide Table/Precision Cylinder)
2. แบบเลื่อนยาว (Air Slide Table/Long Stroke)
3. แบบเลื่อนประเภทคอมแพ็ค (Compact Air (Cylinder) Slide Table) สามารถปรับแต่งช่วงชัก หรือตำแหน่งการติดตั้งได้อย่างอิสระ

เกจวัดแรงดัน [pr] (pressure gauge)
เป็นเครื่องมือจำเป็นสำหรับการใช้วัดหรืออ่านค่าแรงดันก๊าซและของเหลว เกจวัดแรงดันแบ่งได้เป็นหลายจำพวกมาก การจะเลือกซื้อเกจวัดแรงดันไปใช้ให้ถูกงานนั้นจะต้องพิจารณาถึงชนิดต่างๆของเกจวัดความดันดังต่อไปนี้
เกจวัดแรงค่าดันจะแบ่งเป็น 3 จำพวกหลักๆด้วยกัน คือ
1.General pressure gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าบวก
2. Vacuum gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าลบ
3. Compound gauge สามารถวัดแรงดันได้ทั้งยังค่าบวกรวมทั้งลบได้ในตัวเดียวกัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นเครื่องมือวัดที่ทนต่อแรงสั่นเพื่อใช้ในการวัดความดันซึ่งควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแบ่งเกจได้เป็นทั้งแบบอนาล็อกและเกจดิจิตอล





เกจวัดแรงดัน อนาล็อกหรือดิจิตอล
1. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล จะมีราคาสูงกว่าเพจอนาล็อกแต่จะมีจุดเด่นกว่าตรงเกจแบบดิจิตอลมีความแม่นยำมากยิ่งกว่า เหมาะสมกับงานที่ต้องการการวัดความดันถูกต้องแม่นยำสูง นอกเหนือจากนี้เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะไกลได้ด้วย
เพรสเชอร์เกจแบบดิจิตอล เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล
2. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (แบบเข็ม) มีจุดเด่นก็คือราคาถูกกว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากเมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งออกอีกเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 เกจวัดแรงดันอนาล็อกปรกติ มีจุดเด่นก็คือ ราคาถูก แต่จะรับแรงสั่นสูงไม่ได้
โดยปกติสำหรับในการสั่งซื้อสิ่งที่ควรจะระบุสำหรับเครื่องไม้เครื่องมือวัดแรงดันมีดังนี้
- หน่วยวัด(Unit) คือ หน่วยความดันบนหน้าปัดที่เราอยากให้อุปกรณ์วัดแสดง
- ย่านการวัด (Range) คือ ช่วงความดันต่ำสุด-สูงสุด ที่อุปกรณ์ตัวนั้นสามารถวัดให้เราได้
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหน้าปัดเครื่องมือวัด มักกำหนดเป็น นิ้วหรือมม.
- ชนิดวัสดุ คือ ชนิดของวัสดุที่ใช้เป็นตัวเรือน : เหล็ก / พลาสติก / สแตนเลส / ทองเหลืองและก็วัสดุใช้ทำเกลียว : ทองเหลือง / สแตนเลสแบบ/ขนาดของเกลียว (Type/Thread size) คือ ขนาดของเกลียวที่จะใช้ต่อกับอุปกรณ์อื่น มีทั้งแบบออกด้านล่างแล้วก็ออกด้านหลัง ตัวอย่างขนาดเกลียวมาตรฐาน NPT และ BSP
- ออฟชั่นพิเศษต่างๆตัวอย่างเช่น แบบมีน้ำมัน มีปีกยึดติดตู้